ผู้บัญชาการทหาร ในประวัติศาสตร์ที่อายุน้อยที่สุด

ผู้บัญชาการทหาร ในประวัติศาสตร์ที่อายุน้อยที่สุด

วันนี้แอดมินก็จะพาทุกท่านมาทำความรู้จัก ประวัติศาสตร์ กับเหล่า ผู้บัญชาการทหาร ในประวัติศาสตร์ที่อายุน้อยที่สุด สงครามนั้นเป็นสถานการณ์การต่อสู้นองเลือด ที่เต็มไปด้วยความรุนแรง โหดร้าย แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก หรือเยาวชนสักเท่าไหร่ แต่เชื่อหรือไม่คะ ว่าในประวัติศาสตร์กลับมีผู้บัญชาการกองทัพ ที่นำเหล่าทหารหาญเข้าสู่สมรภูมิตั้งแต่อายุยังน้อย และยังได้แสดงศักยภาพ ทางการทหารที่โดดเด่นเกินวัยออกมาให้โลกได้ประจักษ์ โดยใครบ้างนั้นเดี๋ยวเราไปติดตามพร้อมกันค่ะ

แต่ก่อนที่จะไป แอดมินก็ต้องขอฝากให้ไปติดตาม ปริศนาเรือ กันด้วยนะคะ แล้วในวันนี้ แอดมินก็ต้อง ขอขอบคุณ คาสิโนออนไลน์ ที่สนับสนุนบทความของเราในวันนี้ด้วยค่ะ

1.พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช  (Alexander the Great)

ผู้บัญชาการทหาร

หนึ่งในผู้บัญชาการทหารที่ประสบความสำเร็จ และมีชื่อเสียงที่สุดตลอดกาล เจ้าชายอเล็กซานเดอร์ ประสูติเมื่อประมาณ 356 ปีก่อนคริสตกาล ที่เมืองเพลา เมืองหลวงของราชอาณาจักรมาซิโดเนีย แห่งอาณาจักรกรีกโบราณ และได้รับการสั่งสอนวิชาการ ความรู้ต่างๆตั้งแต่อายุ 13 ปี จากนักปรัชญาชื่อดังอลิซโตเติล เจ้าชายเข้ารับราชการทหารเป็นครั้งแรก เมื่ออายุเพียง 16 ปี หนึ่งปีถัดมาก็ได้รับการแต่งตั้ง

ให้เป็นนายพลของกองกำลังทหารขนาดย่อม แห่งกองทัพมาซิโดเนีย และได้รับการมอบหมาย ให้ไปปราบกบฏชาวเธรช เมื่อเข้าสู่วัย 18 ปีอเล็กซานเดอร์ ก็ได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการกองทัพมาซิโดเนีย ร่วมกับพระราชบิดา ซึ่งในครั้งนั้นทั้งคู่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในการนำรัฐขานที่ใกล้เคียง มาอยู่ภายใต้การปกครองของมาซิโดเนีย เจ้าชายได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ สืบต่อจากบิดา ที่ถูกลอบสังหารไป

ในช่วง 336 ปีก่อนคริสตกาล ในขณะที่อายุได้เพียงแค่ 20 ปีเท่านั้น นับจากนั้นอเล็กซานเดอร์ นำทัพมาซิโดเนียกวาดล้างและพิชิตทุกดินแดน ที่ขวางหน้า ทั้งยังได้ตั้งชื่อเมืองต่างๆ มากกว่า 70 เมือง ตามชื่อของตัวเอง ด้วยเหตุนี้เมื่ออายุด้วย 30 ปีอาณาจักรของอเล็กซานเดอร์ ก็ขยายอาณาเขตครอบครองพื้นที่ตั้งแต่ตอนเหนือของกรีซ จนถึงชายขอบด้านตะวันตกของอินเดียเลยค่ะ น่าเสียดายที่กษัตริย์ผู้ปรีชาสามารถด้านการทหารผู้นี้ เสียชีวิตลงด้วยวัยเพียง 32 ปีเท่านั้น

2.พระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ  (Henry II)

ผู้บัญชาการทหาร

The Anarchy เป็นสงครามกลางเมืองครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์อังกฤษ ที่เรียกกันว่าสงคราม 19 ฤดูหนาว เกิดขึ้นในช่วงระหว่างปี 1135 ไปจนถึงปี 1154 ในรัชสมัยของพระเจ้าสตีเฟนแห่งอังกฤษ ส่วนเฮนรีหรืออองรี แห่งอองชู ซึ่งเป็นฝ่ายตรงกันข้าม ได้เข้าร่วมสงครามในวัยเพียง 14 ปี ซึ่งเท่ากับว่าได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ ในช่วงวัยรุ่นทั้งหมด ไปกับการต่อสู้ในสมรภูมิรบ ก่อนจะได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้า

เฮนรี่ที่สองแห่งอังกฤษ ในขณะที่อายุได้เพียง 21 ปีเท่านั้น ในช่วงวัยเยาว์ เฮนรี่ใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลขุนนางในอังกฤษ และนอร์มังดี ได้รับการสั่งสอนวิชาความรู้ ทางด้านวิชาการ รัฐบุรุษ และการสงคราม เป็นพิเศษจนในปี 1147 ในการเข้าสู่สมรภูมิครั้งแรก เฮนรี่นำกลุ่มทหารรับจ้าง อังกฤษเข้าต่อสู้ในนามของจักรพรรดินีมาทิลดา แห่งอังกฤษ ผู้เป็นมารดา ซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญของพระเจ้าสตีเฟ่น และในปี 1149

เฮนรี่ได้เข้าร่วมกับกองกำลังของพระเจ้าเดวิดที่สอง แห่งสก็อตแลนด์ เพื่อโจมตีเมืองยอร์ก แต่พระเจ้าสตีเฟน ล่วงรู้ถึงแผนการนี้ จึงส่งกองทัพไปดักไว้ทางทิศเหนือ หลังจากความล้มเหลวนั้น เฮนรี่กลับมาสร้างฐานอำนาจ และสร้างฐานะของเค้า ขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะเดินทางกลับอังกฤษในปี 1153 พร้อมกับศึกแย่งชิงมงกุฎครั้งใหม่ ซึ่งครั้งนี้แฮรี่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากสามารถทำให้พระเจ้าสตีเฟ่นแต่งตั้งเขา

ที่ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น ขึ้นเป็นรัชทายาทได้ และเมื่อพระเจ้าสตีเฟน สิ้นพระชนน์ลงในเดือนตุลาคมปี 1154 แฮนรี่ก็ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป อย่างไร้ข้อครหา พร้อมกับการสิ้นสุดสงครามกลางเมือง อันยาวนานถึง 19 ปีค่ะ

3.สตีเฟนแห่งโคลเยส  (Stephen of Cloyes)

ผู้บัญชาการทหาร

Cloyes เป็นเมืองเล็กๆใจกลางชนบทของฝรั่งเศส ตั้งอยู่ห่างจากกรุงปารีสไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 130 กิโลเมตรโดยในปี 1212 เด็กเลี้ยงแกะวัย 12 ปีผู้ยากไร้นามว่าสตีเฟน ได้ออกมาประกาศกับชาวเมืองว่า พระเยซูเสด็จมาหา พร้อมกับกล่าวอ้างว่า พระเยซูทรงบอกให้เขา นำกองทัพไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หรือกรุงเยรูซาเลม เพื่อเปลี่ยนชาวมุสลิม ให้หันมานับถือศาสนาคริสต์อย่างสันติ

หลังจากนั้นสตีเฟนก็นำกลุ่มผู้ติดตามจำนวนมาก ซึ่งเป็นเด็กเหมือนกัน เดินทางไปยังกรุงปารีส เพื่อเข้าเฝ้ากษัตริย์แห่งฝรั่งเศส แต่แทนที่กษัตริย์จะสนับสนุนพวกเขา กลับบอกให้พวกเด็กๆ แยกย้ายกลับบ้านไปอุปสรรคเพียงเท่านี้ ไม่สามารถหยุดยั้งภารกิจศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ ได้สตีเฟน พร้อมกับกองทัพเด็ก 30,000 คน เดินทางต่อไปยังเมืองมาร์แซย์ ซึ่งที่นั้นพวกเขาได้ตอบรับคำชวนจาก พ่อค้านามว่า 

Hugh the Iron กับ William the pig ที่อาสาพาพวกเขาลงเรือไป ยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์น่าเศร้าที่เหล่าเด็กๆ ผู้โชคร้ายเดินทางไปไม่ถึงกรุงเยรูซาเลม เนื่องจากเรือสองลำจากทั้งหมด 7 ลำอับปางลงระหว่างเดินทาง และไม่มีผู้ใดรอดชีวิตค่ะ ส่วนเหลืออีก 5 ลำที่เหลือก็มุ่งหน้าไปยังเมืองแอลเจีย เพราะ Hugh the Iron กับ William the pig ได้ทำข้อตกลงรับในการขายเด็กๆให้กับพ่อค้าทาสที่นั่น

และเมื่อเดินทางไปถึงเด็กๆ ก็ถูกขายต่อออกไปยังหลายสถานที่ หลายคนถูกส่งไปยังเมืองอียิปต์ บางคนไปไกลถึงแบกแดด ส่วนสตีเฟนก็ไม่มีใครทราบชะตากรรมของเขา ว่าเป็นอย่างไร เสียชีวิตที่ไหนและเมื่อไหร่